ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 7 สรุปข้อเท็จจริงกรณีเหตุร้องเรียนระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของ รพ.ขอนแก่น

ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 7 สรุปข้อเท็จจริงกรณีเหตุร้องเรียนระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อของ รพ.ขอนแก่น

ผอ.ศอ 7 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ปัญหาโรงกำจัดขยะติดเชื้อ ของรพ.ขอนแก่นไม่เกี่ยวขัดแย้งระหว่างหน่วยงานต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นของโรงกำจัดขยะติดเชื้อ จึงนำไปสู่การร้องเรียนและตรวจสอบมาตรฐานของโรงกำจัดขยะตามที่มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ
วันนี้(2ก.ย.) ที่ ห้องประชุมราชาวดี อาคารอำนวยการชั้น 2 ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่นนพ.ชาตรี เมธาธราธิป ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่นได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนชี้แจงกรณีปัญหาโรงกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งมีการพาดพิงกันไปมาระหว่าง2หน่วยงานนี้ว่าไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งส่วนตัวหรือการปฏิบัติงานแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นของโรงกำจัดขยะติดเชื้อ จึงนำไปสู่การร้องเรียนและตรวจสอบมาตรฐานของโรงกำจัดขยะตามที่มีข่าวเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ

“จริงๆแล้วปัญหาการร้องเรียนจะไม่เกิดขึ้นเลยหากทางโรงพยาบาลขอนแก่นไม่สร้างโรงกำจัดขยะอยู่ภายในโรงพยาบาลและติดกับอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่บุคคลากรทางการแพทย์ และหากทำตามขั้นตอนกฏระเบียบ ก็เชื่อว่าโรงกำจัดขยะจะไม่สามารถตั้งอยู่ภายในสถานพยาบาลได้ ทำอะไรต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนรอบข้างด้วย อย่าลืมว่าบ้านเมืองมีขือมีแป”นพ.ชาตรีกล่าวและว่า
ภายหลังเทศบาลนครขอนแก่นมีหนังสือถือโรงพยาบาลขอนแก่นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 แจ้งผลตรวจประเมินมาตรฐานระบบกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อและตรวจสอบกลิ่นรบกวนของกรมอนามัยว่าไม่ได้มาตรฐานมีสารเคมีอันตรายฯและได้สั่งให้ทางโรงพยาบาลหยุดกำจัดขยะฯจนกว่าจะมีการปรับแก้ไข แต่ทาง ผอ.โรงพยาบาลยืนยันจะดำเนินการกำจัดขยะต่อ โดยอ้างผลตรวจไม่น่าเชื่อถือนั้น ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานท้องถิ่นจะใช้อำนาจทางกฎหมายจัดการต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกระบวนการกำจัดขยะพบข้อบกพร่องที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวง 3 ข้อ คือ ผู้ปฏิบัติงานกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อของโรงพยาบาลจำนวน 7 ใน 9 คนไม่ผ่านการอบรมหลักสูตรการป้องกันและระงับการแพร่เชื้อหรืออันตรายที่อาจเกิดจากมูลฝอยติดเชื้อตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ17(1) ข้อ 20(2)และข้อ 24(4)ของกฎกระทรวงฯซึ่งตามกฎหมายต้องจัดให้ผู้ปฏิบัติงานขยะมูลฝอยติดเชื้อเข้ารับการฝึกอบรมฯ,กฎกระทรวงฯข้อ 16 การจัดให้มีที่พักรวมมูลฝอยติดเชื้อต้องมีขนาดกว้างเพียงพอที่จะเก็บกักภาชนะขยะมูลฝอยติดเชื้อได้อย่างน้อย 2 วัน แต่ในความเป็นจริงสามารถเก็บกักขยะได้เพียง 1 วันก็เต็มความจุแล้ว นอกจากนี้ยังไม่ปรากฎการรายงานผลการตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐานทางชีวภาพให้ราชการส่วนท้องถิ่นทราบเป็นประจำภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน(ในกรณีที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว)
“เห็นด้วยอย่างมากที่โรงพยาบาลขอนแก่นสร้างโรงกำจัดขยะติดเชื้อมูลฝอยฯเพราะจะได้ไม่มีการแพร่กระจายเชื้อโรคภายในโรงพยาบาลและชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่ายการกำจัดขยะติดเชื้อจากเดิมที่ต้องจ้างเหมาเอกชน แต่ตำแหน่งที่ตั้งของโรงกำจัดขยะมันไม่เหมาะสม ตั้งอยู่ติดกับตึกผู้ป่วย ติดกับที่พักอาศัยของคน ปัญหาก็เลยเกิดขึ้นอย่างที่เห็น” นพ.ชาตรีกล่าว
ต่อประเด็นที่เป็นที่สงสัยแย้งกลับมา เพื่อที่จะให้ทาง ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ตอบอาทิ1.ทีมมาตรวจทำไมไม่ทำตามขั้นตอนที่กรมอนามัยออกเอง2.ทีมมาประเมินของกรมอนามัยไม่ได้มาตรฐาน iso 16000-6:2011 ตามที่กรมอนามัยกำหนดไว้เองใช่หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ จะเอามาตรวจแล้วเชื่อถือได้หรือ แล้วจะไปบังคับตามข้อกฏหมายได้หรือ ไม่กลัวเค้าฟ้องหรือ3.ทำไมค่าเฉลี่ย กับค่าสูงสุด 4.99 ppm ในอากาศที่มีการถ่ายเท(ไม่ปิดทึบ ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ) จึงเท่ากันได้ แสดงว่าอากาศนิ่งตลอดเวลา ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ แสดงว่าไม่ได้วัดต่อเนื่อง 30 นาที ตามที่กรมอนามัยกำหนดไว้เองใช่หรือไม่ และถ้าใช่ๆหรือไม่ว่าเอาค่าที่วัดที่เครื่องบำบัดขยะหลังฝาขยะพึ่งเปิดใช่ไหม เพราะขณะนั้นไอน้ำยังไม่ถูก hood ดูดเข้าไป4.จะเอาประกาศนี้มาเทียบเคียงได้อย่างไร
ทั้งที่ประกาศ ที่กำหนดให้ใช้”ภายในอาคารสาธารณะ” ที่ ต้อง “ที่ชุมนุมคน” “ปิดทึบ” และ”มีระบบปรับอากาศ” มีประเด็นไหนที่เทียบเคียงได้
และ 5.การวัด ได้วัด”ต่อเนื่อง”ครั้งละ 30 นาที 4 ช่วงเวลา(ช่วงละ30 นาที) หรือไม่ ถ้าใช่ เป็นไปได้หรือที่ค่าเฉลี่ยของสารระเหยในระบบเปิด ที่ถ่ายเทอากาศได้ดีจะ มีค่าคงที่ตลอด คือ 4.99 ppm
6.เป็นไปได้ไหมที่เอาค่า 4.99 ppm มาใส่ในรายงาน เพื่อให้ค่าเฉลี่ยหาร 4 จะได้เกิน 1.00 ppm ไม่กลัวว่าจะเป็นรายงานเท็จ
ผอ.ศอด ที่ 7 ไม่ได้ตอบข้อสงสัยใดๆ

จากประเด็นดังกล่าว นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นกล่าวว่า ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้รับการแจ้งจากเทศบาลนครขอนแก่นแต่อย่างใด ส่วนข้อบกพร่องตามกฏกระทรวง ปี 2545 ทั้ง 3 ข้อนั้น เป็นขั้นตอนการปฏิบัติที่สามารถทำคู่ขนานกันได้ เพราะระบบการบำบัดเป็นระบบปิด ทำงานอัตโนมัติ เกือบทั้งหมด เช่น 1 การฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน 2.ที่พักขยะ ขนาดของระบบสามารถบำบัดหมดภายใน 1 วัน ไม่เคยต้องเหลือข้ามคืนเลย (ประเด็นที่ต้องมีที่พักขยะไม่น้อยกว่า 2 วัน นั้นใช้กับกรณีที่จ้างบริษัทภายนอกไปกำจัดนอกรพ. เหมือนในอดีตที่รพ.ขอนแก่นดำเนินการ ที่เราไม่มีที่พักคอยเพียงพอ จึงต้องเปลี่ยนมาบำบัดด้วยตนเอง) ซึ่งกรณีนี้เทศบาลทราบเป็นอย่างดี 3.ส่วนกรณีรายงานผล spore test รพ.ขอนแก่น พร้อมรายงานอยู่แล้ว เพราะมีการดำเนินการก่อนเริ่มบำบัดในแต่ละวันตามที่กรมอนามัยกำหนดมาภายหลังสถานการณ์โควิดตั้งแต่ ปี 2565 แล้ว อนึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นอำนาจของเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งได้ทำการประเมินเสร็จและแจ้งให้ที่ประชุมทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 เป็นต้น หน้าที่การตรวจสอบเป็นของเทศบาล เทศบาลแจ้งผลการตรวจสอบตามกฏกระทรวงปี 2545 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ผ่านทั้งหมด ซึ่งวันจันทร์นี้ รพ.ขอนแก่น จะได้ยื่นหนังสือต่อท่านนายกเทศบาลขอนแก่น เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
ซึ่งความคืบหน้า ของการตอบข้อซักถาม ตั้งข้อสังเกต จะรายงานให้ทราบต่อไป



เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น