“มข.”สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ผนึกพลังสร้าง “นักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนเมือง”

“มข.”สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ผนึกพลังสร้าง “นักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนเมือง”

วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองคณะวิชา เพื่อพัฒนาการศึกษาตามกระบวนทัศน์ใหม่ และการบริการวิชาการที่จะมีการบูรณาการกันอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการศึกษาของทั้งสองคณะและมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ก้าวไกลไปอีกขั้น
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ ห้องวิทยวิภาส 1 อาคารวิทยวิภาส คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น และคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการครั้งสำคัญ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม คณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อังคณา บุญยืด คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง


ภายในงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม ได้กล่าวว่า “การลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการทั้งสองคณะ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นฉากทัศน์ใหม่ที่สายสังคมศาสตร์ได้เริ่มรุกคืบเข้ามาจับมือกับสายวิทยาศาสตร์ ตามนโยบายของมหาวิทยาลัยด้าน Education Transformation การเปลี่ยนฉากทัศน์ หรือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น Live Long Education และการจัดการเรียนการสอนข้ามศาสตร์ เป็นตัวกระตุ้นให้คณะต่าง ๆ เริ่มขับเคลื่อน ซึ่งวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ในฐานะที่เป็นสถาบันแรกที่สอนด้านการปกครองท้องถิ่นในประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้มีการปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาให้สามารถดำเนินการร่วมกับคณะอื่น หรือศาสตร์อื่น ๆ ได้ เรียกว่า COLA Pluss (COLA++) นำมาซึ่งการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คือผู้ที่เรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์จะมีทักษะทางด้านการบริหารกิจการสาธารณะ สามารถเข้าสู่เส้นทางอาชีพได้หลากหลายยิ่งขึ้น กลายเป็น “นักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนเมือง” ในที่สุด”
ข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การจัดหลักสูตรการศึกษาตามกระบวนทัศน์ใหม่ ในรูปแบบการเรียนข้ามศาสตร์ระหว่างรัฐประศาสนศาสตร์ (สังคมศาสตร์) กับ วิทยาศาสตร์ ที่มุ่งผลิต “นักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนเมือง” ที่ขยายขอบเขตเชื่อมต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการศึกษาตลอดชีวิต การเปิดโอกาสให้นักศึกษาของทั้งสองคณะได้พัฒนาต่อยอดความรู้ การบูรณาการองค์ความรู้เพื่อสร้างหลักสูตรบริการวิชาการ และการขับเคลื่อนนโยบายการปรับเปลี่ยนการจัดการศึกษา (KKU Education Transformation) ตอบสนองนโยบายด่านการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อังคณา บุญยืด ได้เสริมว่า “การลงนามความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ เป็นการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการศึกษาเพื่อเปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ได้มีโอกาสสำคัญเข้าไปมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนเมืองได้ โดยจะเห็นว่าปัจจุบันถือว่าเป็นยุคทองของวิทยาศาสตร์ เพราะการพัฒนาประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน วิทยาศาสตร์จะเป็นส่วนสำคัญมาก ซึ่งคณะฯ มีการกำหนดทิศทาง หรือเป้าหมายว่า จะเป็นคณะชั้นนำที่มุ่งสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรมและกำลังพลที่มีคุณภาพสูงทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาหลักสูตรครั้งนี้ คณะ ฯ จึงมีการกำหนดกลยุทธ์ในเรื่อง Science KKU++ เป็นหลัก เพื่อสร้างโอกาสและผลิตบัณฑิตให้ตรงตามความสนใจของตนเอง โดยมีฐานที่เข้มแข็งทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนที่พัฒนาร่วมกับวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่นจะเป็นการเรียนที่สามารถสะสมเป็น Credit Bank ได้ เหมาะสมกับการเรียนของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ที่สำคัญยังสามารถมองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนในการเข้าสู่เส้นทางสายอาชีพของตนเองมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษหัวข้อ “นักวิทยาศาสตร์เปลี่ยนเมือง” โดย ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และกรรมการประจำวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น (ผู้ทรงคุณวุฒิ) ซึ่งเป็นศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศาสตราจารย์วุฒิสารได้แบ่งปันประสบการณ์และมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของนักวิทยาศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลงเมือง โดยเน้นความสำคัญของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
“การเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เพียงแค่การวิจัยและค้นพบ แต่ยังเป็นการนำความรู้มาใช้แก้ไขปัญหาและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่สังคม” ศาสตราจารย์วุฒิสารกล่าว “การบูรณาการระหว่างความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการบริหารจัดการเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและน่าอยู่”
ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวจะมีระยะเวลา 5 ปี โดยจะมีการประเมินผลและพิจารณาต่ออายุข้อตกลงตามความเหมาะสมในอนาคต ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตจำนงค์ในการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักศึกษาและสังคมในภาพรวม
งานนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำ ที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเองและการศึกษาให้ก้าวทันสมัย เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักศึกษาและสังคม.

 



เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น