“แบงก์ชาติ อีสาน”คาดเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปี 67 ไม่ขยายตัว
เศรษฐกิจอีสานมีแรงส่งระยะสั้น จากราคายางพาราและอ้อย และการท่องเที่ยวดีขึ้น แต่แรงส่งยังไม่เพียงพอเนื่องจากเกษตรกรที่ได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มซึ่งมีสัดส่วนน้อย และรายจ่ายนักท่องเที่ยวยังต่ำ ประกอบกับสถานการณ์การเงินของครัวเรือนที่เปราะบาง ทำให้กำลังซื้อของภาคอีสานยังไม่มาก
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2. ที่ ห้องปัญญาวิจิตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) จัดแถลงข่าวเศรษฐกิจ และงานขอบคุณสื่อมวลชน โดยมี ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) เป็นประธานในการจัดแถลงข่าว รายการนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างชุมชน
ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) กล่าวสรุปว่า เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือไตรมาส 2 ปี 2567 เศรษฐกิจอีสานมีแรงส่งระยะสั้น จากราคายางพาราและอ้อย และการท่องเที่ยวดีขึ้น แต่แรงส่งยังไม่เพียงพอเนื่องจากเกษตรกรที่ได้ประโยชน์เฉพาะกลุ่มซึ่งมีสัดส่วนน้อย และรายจ่ายนักท่องเที่ยวยังต่ำ ประกอบกับสถานการณ์การเงินของครัวเรือนที่เปราะบาง ทำให้กำลังซื้อของภาคอีสานยังไม่มากพอที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
นอกจากนั้นยังเห็นสัญญาณเปราะบางลามไปสู่ระดับกลางมากขึ้น จากยอดขายบ้านระดับกลางหดตัว โดยผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้ประจำถูกปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจภาคอีสานปี 2567 จากที่คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยเป็นไม่ขยายตัว และในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ ร้อยละ 1 จากสภาพภูมิอากาศที่เข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ผลผลิตเกษตรขยายตัวในทุกพืชสำคัญ ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหมวดอาหารขยายตัว ภาคการค้าขยายตัวจากรายได้ภาคเกษตรที่ดีขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐคาดว่าจะเบิกจ่ายได้ตามปกติ.