กลุ่มภาคประชาชน รวมตัวจัดประชุมเสวนา เตรียมเดินทางไปยื่นหนังสือทวงถามนโยบายเร่งด่วน ที่จะช่วยเหลือประชาชนปรับโครงสร้างหนี้
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 23 ต.ค. 2567 ที่ โรงแรมบายาสิตา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายภาคประชาชนจัดกิจกรรม ประชุมสัมมนา กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายแรกของรัฐบาล เรื่อง “ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ควบคู่กับการเพิ่มความรู้ทางการเงินและส่งเสริมการออมในรูปแบบใหม่ ๆ” โดยมี ดร.พงษ์ศักดิ์ พัวพรพงษ์ ประธานมูลนิธิสุริยะ และ คณะกรรมการผู้จัดการประชุมวิชาการ พร้อมด้วยตัวแทนจากกลุ่มเป้าหมายจาก 6 จังหวัดในภาคอีสาน พร้อมด้วยนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเสวนา
ดร.พงษ์ศักดิ์ พัวพรพงษ์ ประธานมูลนิธิสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้จัดประชุมการติดตามการทำงานของรัฐบาลที่เป็นนโยบายหลักในข้อ 1 เกี่ยวกับโครงสร้างหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับประชาชน ในประเทศไทยประมาณ 14 ล้านคน ที่เดือดร้อน วันนี้จึงได้มารวมตัวกันเพื่อหารือแนวทางที่ทางรัฐบาลจะเยียวยาหรือช่วยเหลือตามนโยบายเร่งด่วนที่ประกาศไว้ว่าจะปรับโครงสร้างหนี้และอื่นๆ ซึ่งบางคนเอาที่ดินไปเข้าฝากจำนองกับธนาคารและนายทุนรวมถึงหนี้ในระบบและนอกระบบทางทีมงานจึงได้มีการดำเนินการประสานงานในระดับหนึ่งที่ทำเนียบรัฐบาลและทางรัฐบาลก็ออกนโยบายมาสอดคล้องเกี่ยวกับเรื่องที่ดินทำกินและปรับโครงสร้างหนี้ ขึงได้มาพูดคุยเสวนาร่วมกันว่า ที่ทางรัฐบาลได้ประกาศให้คำมั่นสัญญากับเราแล้วเป็นนโยบายเร่งด่วนได้ประกาศเป็นปีแล้วเราก็เลยมาติดตามแล้วก็จะดูว่าการทำงานในส่วนตรงนี้จะติดตามไปถึงตรงไหนอย่างไรแล้วเราจะได้อะไรกลับมาบ้าง
“ตามที่กลุ่มที่รวมตัวกันทั่วทุกภาคจะได้รวมตัวกันขับเคลื่อนไปยื่นหนังสือแล้วก็จะเข้าไปเจรจาทวงถามถึงนโยบายข้อ 1 ในการปรับโครงสร้างนี้ ในส่วนภาคอีสานจะมีการรวมตัวกันที่จังหวัดขอนแก่นและประสานงานร่วมกับภาคอื่นๆและจะมีการเดินทางยื่นหนังสือที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ กรุงเทพฯ คาดว่าประมาณวันที่ 27 ต.ค.2567 เพื่อเจรจาหาแนวทางและถ้าเป็นข้อยุติในเรื่องพักหนี้หรืออื่นๆ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในกลุ่มเป้าหมาย”
ดร.พงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในต้นปีหน้า 2568 จะเดินหน้าขับเคลื่อนทวงถามเกี่ยวกับนโยบายที่สาม พลังงานและธาธารณูปโภค ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน พลังงานต้องลดราคาเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ ส่วนของค่าไฟเป็นไปได้อยากให้ลดเหลือประมาณ 3 บาทกว่า จะเป็นตัวเลขที่ประชาชนอยู่ก็ได้แบบไม่เดือดร้อนมากนัก ซึ่งเราพร้อมจะขับเคลื่อนทวงถามในสองนโยบายคือ การปรับโครงสร้างหนี้ฯ และด้านพลังงาน ที่รับปากให้ไว้กับประชาชน หากทางรัฐบาลทำได้จริงเหมือนนโยบายที่ให้ไว้และ ยืนยันเจตนารมณ์ ตามนโยบายรัฐบาลสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสในการพัฒนา และสร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับประชาชนทุกคนได้จริง สถานการณ์ปัญหาและเศรษฐกิจจะดีขึ้นตามมา
สำหรับประชาชนที่รับความเดือดร้อนและผลกระทบในลักษณะเดียวกัน เรื่องหนี้สิน เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ในมาตรการนโยบายข้อที่ 1ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบฯ ของรัฐบาล สามารถติดต่อมาได้ใน facebook หรือ messenger ดร.พงษ์ศักดิ์ และทุกช่องทาง
ภัสสะ บุญธรรม./ขอนแก่น.