2 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สํานักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แถลงข่าว ถึง ภาพรวมเศรษฐกิจภาคอีสานไตรมาสที่ 4 ได้ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากการบริโภค เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงจากการใช้จ่ายสินค้าในชีวิตประจำวันที่ลดลง การลงทุนของภาคเอกชนหดตัวตาม การก่อสร้างการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อน การค้าด่านศุลกากรขยายตัวในเกณฑ์ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานปรับลดลงแล้วภาคการเงินขยายตัว ขณะที่สินเชื่อชะลอตัว ด้านการใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันที่ลดลง เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรชะลอตัว ด้านสินค้ายานยนต์ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องและการใช้จ่ายภาคบริการก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รายได้จากการจ้างงาน ภาคการค้าและการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีมาตรการพิเศษจากภาครัฐโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
แนวโน้มเศรษฐกิจภาคอีสานปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมและคู่ค้าที่ขยายตัวสนับสนุนการผลิตเพื่อส่งออก คาดการณ์สภาพอากาศเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ปกติซึ่งต่อภาคเกษตรนโยบายของภาครัฐสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนโดยมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 สนับสนุนกำลังซื้อและพัฒนาศักยภาพกลุ่มฐานรากและภาครัฐทยอยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยถ่วงในเศรษฐกิจอีสานปี 2561 คืนนี้กูหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง
ทางด้านนายอดุลย์ ค้ำชู ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สํานักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ปัจจุบันพบปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์หลอกเอาข้อมูลจนทำให้มีเหยื่อสูญเสียเงิน โดยตลอดทั้งปี 2560 ที่ผ่านมา มีประชาชนโทรเข้ามาที่สายด่วน 1213 เพื่อแจ้งและสอบถามเฉพาะเรื่องนี้ จำนวน 199 สาย ในจำนวนนี้มีผู้เสียหาย 8 ราย แต่ก็ยังโชคดีที่ส่วนใหญ่ไหวตัวทัน ทำให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งเหล่านี้ แค่ 8 ราย และในช่วงนี้เป็นช่วงกำลังยื่นคืนภาษี ภงด 91 ของผู้มีรายได้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษที่มิจฉาชีพจะอาศัยช่วงเวลานี้โทรศัพท์มาหลอกล่อ เช่น แจ้งว่าได้รับคืนภาษี หรือแจ้งว่าเช็คที่ส่งไม่มีไม่มีผู้รับ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ ถ้าประชาชนพบโทรศัพท์แบบนี้ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวใด ๆ และติดต่อข้อมูลข้อมูลจากกรมสรรพากรได้เลย