ไทย แชมป์โรคมะเร็งตับ ติดอันดับ 6 ของโลก วอนรัฐ สนับสนุนการเข้าถึงยารักษา

ไทย แชมป์โรคมะเร็งตับ ติดอันดับ 6 ของโลก วอนรัฐ สนับสนุนการเข้าถึงยารักษา
มูลนิธิรักษ์ตับเปิดตัว ‘”Voice for change – หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ”เปิดแคมเปญสะท้อนผลกระทบจากโรค ชวนร่วมลงชื่อผลักดันสิทธิการรักษาด้วยยา นวัตกรรม”มะเร็งตับ” ถือเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในบรรดาโรคมะเร็งทั้งหมด เปิดตัวแคมเปญสะท้อนผลกระทบจากโรคมะเร็งตับ ตั้งเป้าชวนประชาชนร่วมลงชื่อบน change.org 10,000 รายชื่อ เพื่อเร่งผลักดันสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยให้ครอบคลุมยา นวัตกรรม สำหรับโรคมะเร็งตับ
. วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ ห้องประชุมสารสิน ชั้น 2 ตึกสิริคุณากร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ และประธานมูลนิธิรักษ์ตับ
และ รศ.นพ.โกสินทร์ วิระษร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขามะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บรรยายในหัวข้อ “ความก้าวหน้าของการรักษาโรคมะเร็งตับ”

   รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และประธานมูลนิธิรักษ์ตับ กล่าวว่า "มะเร็งตับถือเป็นภัยเงียบทางสุขภาพที่คุกคามชีวิตของคนไทยจำนวนมากอย่างต่อเนื่องมานับสิบปี เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้กว่าผู้ป่วยจะเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษา โรคมะเร็งตับมักดำเนินไปสู่ระยะลุกลามแล้ว ทำให้ตัวเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับระยะของโรคมีอยู่อย่างจำกัด ทุกวันนี้ ผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทยนั้นได้รับการรักษาแบบประดับประคอง ซึ่งช่วยยืดการมีชีวิตรอดออกไปได้เพียง 3-6 เดือนเท่านั้น

รศ.พญ.วัฒนา กล่าวต่อไปว่าดังนั้น การรับมือกับโรคมะเร็งตับจึงเป็นความท้าทายของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระบบดูแลสุขภาพของประเทศไทย ที่จะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนสิทธิเบิกจ่ายยาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของโรคและได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล แคมเปญ Voice for Change: หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ’ เล็งเห็นว่าเสียงสะท้อนจากภาคประชาชนก็มีบทบาทในการผลักตันความเปลี่ยนแปลงต่อเส้นทางการรักษาของผู้ป่วยมะเร็งตับได้เช่นกันโดยร่วมลงชื่อ 10,000 รายชื่อ สนับสนุนแคมเปญเรียกร้องให้หน่วยงานที่พิจารณาสิทธิการรักษาพยาบาลของไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของยานวัตกรรมที่มีต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งตับ และบรรจุยาที่มีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากลลงในรายการเบิกจ่าย
รศ.พญ.วัฒนา กล่าวด้วยอีกว่าซึ่งจะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึงการรักษาและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งตับ รวมทั้งลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรวัยทำงานก่อนวัยอันควร ซึ่งอาจส่งผลต่อผลิตภาพและการขับเคลื่อนประเทศ”มูลนิธิรักษ์ตับ จึงเปิดตัว แคมเปญ ‘Voice for Change: หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ’ เพื่อสะท้อนผลกระทบจากโรคและผลักดันการเข้าถึงยา นวัตกรรมสำหรับโรคมะเร็งตับให้เข้าไปอยู่ในสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทย ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การรณรงค์บนเว็บไซต์ change.org ซึ่งมีเป้าหมายรวบรวมรายชื่อประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิดีโอในโลกออนไลน์

เพื่อสะท้อนความยากลำบากที่ผู้ป่วยมะเร็งตับและครอบครัวต้องเผชิญ และความสำคัญของเสียงเรียกร้องจากประชาชนที่จะนำไปสู่การพิจารณาสิทธิรักษาพยาบาลให้ครอบคลุม การลงพื้นที่รณรงค์ในกรุงเทพฯเพื่อขยายการรับรู้ของประชาชนทั่วไปถึงสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยที่ยังไม่ครอบคลุมยา นวัตกรรม สำหรับรักษามะเร็งตับ และเชิญชวนผู้ที่สนใจให้ร่วมลงชื่อบนเว็บไซต์ change.org รวมถึง การลงพื้นที่รณรงค์ในจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราความชุกของโรคมะเร็งตับมากที่สุดในประเทศ
รศ.พญ.วัฒนา กล่าวเสริมท้ายว่าโดยประชาชนสามารถร่วมลงชื่อได้ผ่านทางเว็บไซต์ change.org และแบบฟอร์มกระดาษ โดยแคมเปญมีเป้าหมายที่รวบรวมให้ได้ 10,000 รายชื่อ เพื่อนำไปประกอบจดหมายเปิดผนึกและยื่นต่อหน่วยงานภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาสิทธิรักษาพยาบาลของคนไทย อันจะนำไปสู่โอกาสในการเข้าถึงตัวเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย คลายความกังวลใจด้านต่างๆ ของผู้ดูแล ลดการสูญเสียทรัพยากรแรงงานของประเทศ และช่วยให้ระบบดูแลสุขภาพของประเทศไทยยรับมือกับภัยคุกคามทางสุขภาพนี้ได้อย่างยั่งยืน
“ทุกเสียงมีความสำคัญต่อการผลักดันการพิจารณาสิทธิรักษาพยาบาล ร่วมลงชื่อในแคมเปญ ‘Voice forChange: หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ’ ทางเว็บไซต์ change.org”รศ.พญ.วัฒนา กล่าว.

รศ.นพ.โกสินทร์ วิระษร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขามะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ปัจจุบัน โรคมะเร็งตับถือเป็นภัยคุกคามทางสุขภาพอันดับ 1 ของประเทศไทย’ ด้วยอุบัติการณ์สูงถึง 27,394 ราย และอัตราการเสียชีวิต 26,704 ราย ภายในปี พ.ศ. 2563 เพียงปีเดียว โดยยอดผู้ป่วยใหม่และเสียชีวิตยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยครอบครัวผู้ป่วย ผลิตภาพทางเศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุขของประเทศ มูลนิธิรักษ์ตับ ในฐานะกลุ่มผู้ป่วยโรคตับและมะเร็งตับจึงจัดงานเปิดตัวแคมเปญ Voice for Change: หนึ่งเสียง เปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยมะเร็งตับ เพื่อผลักดันการเข้าถึงยา นวัตกรรมสำหรับโรคมะเร็งตับให้เข้าไปอยู่ในสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตที่ยาวนานขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเสียหายอันอาจเกิดจากทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นกำลังการผลิตของประเทศ และช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์มีตัวเลือกในการมอบการรักษาที่ได้มาตรฐานสากลให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย งานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญดังกล่างได้จัดขึ้น ที่ ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยได้รับเกียรติจาก รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และประธานมูลนิธิรักษ์ตับ ภายในงานมีการรณงค์เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนทั่วไปถึงผลกระทบจากโรคมะเร็งตับ พร้อมเชิญชวนให้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแคมเปญบนเว็บไซต์ change.org เพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนที่ต้องการผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของยา นวัตกรรมที่มีต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งตับ และพิจารณาสิทธิการรักษาพยาบาลของคนไทยให้ครอบคลุมยาที่มีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากล
รศ.นพ.โกสินทร์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคมะเร็งตับสูงที่สุด เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดต่างๆทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพยังระบุว่าโรคมะเร็งตับที่พบในประเทศไทยมีความสุขอยู่ที่ 22.6 คนต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งจัดว่าสูงเป็นอันดับที่ 6 เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลกมะเร็งตับพบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักได้รับการวินิจฉัยเมื่ออายุ 40-70 ปี ปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งตับ ได้แก่ ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงและโรคอ้วน การสูบบุหรี่ การบริโภค แอลกอฮอล์เกินปริมาณที่เหมาะสมซึ่งนำไปสู่โรคตับจากพิษสุราเรื้อรัง รวมถึงการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารอะฟลาท็อกซินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
รศ.นพ.โกสินทร์ กล่าวเสริมอีกว่า ชนิดของมะเร็งตับที่พบมากที่สุดในประเทศไทย คือ มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular carcinoma – HCC) ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 โดยผู้ป่วยมักตรวจพบเมื่อโรดอยู่ในระยะลุกลามแล้ว เพราะภาวะตับอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี มักไม่แสดงอาการ ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีแนวทางการรักษามะเร็งตับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การผ่าตัด การปลูกถ่ายตับ การอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) การรักษาด้วยยามุ่งเป้า ( Targeted Therapy) และการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด(mmunotherapy) ร่วมกับยาต้านการสร้างหลอดเลือด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ที่จะเลือกแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับระยะของโรคและความพร้อมทางร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งตับจำนวนไม่น้อยกลับไม่สามารถเข้าถึงยา นวัตกรรมเพื่อการรักษามะเร็งตับที่มีผลการวิจัยรับรองถึงประสิทธิภาพด้านการ เพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ เนื่องจากข้อจำกัดต้านสิทธิเบิกจ่ายการรักษาพยาบาลของคนไทยที่ยังไม่ครอบคลุม ซึ่งหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโอกาสการเข้าถึงแก่ผู้ป่วยมะเร็งตับมากยิ่งขึ้น ผู้ป่วยอาจไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง สูญเสียความสามารถในการทำงานและการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร



เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น