รองนายกฯ ประวิทย์ เร่งแผนพัฒนาแก้มลิงแก่งน้ำต้อน เพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำเมืองขอนแก่น
6 ก.พ.256. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน พร้อมอาคารประกอบ (ระยะที่ 1) อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บรรยายสรุปความก้าวหน้าและร่วมลงพื้นที่
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะประชาชนและมอบนโยบายในการบริหารจัดการน้ำ โดยกล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งรัดแผนพัฒนาแก้มลิงแก่งน้ำต้อน ให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ อย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่จะต้องไม่มีปัญหาภัยแล้ง ให้ สทนช. ต้องมีการกำหนดพื้นที่เป้าเสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน และกำกับ ควบคุม ดูแล การบริหารจัดการน้ำตาม 10 มาตรการหลักอย่างเคร่งครัด ให้ข้าราชการบูรณาการร่วมกับประชาชนในพื้นที่ในการดูแลแหล่งน้ำ เพื่อไม่ให้มีปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม และต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน จังหวัดขอนแก่น มีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ประมาณ 66% ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทุกพื้นที่เก็บกักน้ำไว้ให้มากที่สุดโดยคาดการณ์ว่าในเดือนมีนาคมจะเริ่มมีฝนตกลงมาในพื้น และฝนจะมีมากขึ้นในช่วงเดือนเมษายน
สำหรับโครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน พร้อมอาคารประกอบ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2564-2569) เป็นการขุดลอกแก้มลิงพร้อมอาคารประกอบ เพื่อเพิ่มความจุเก็บกักน้ำจากเดิม 7.43 ล้าน ลบ.ม. เป็น 35.02 ล้าน ลบ.ม. พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นในการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคต ส่วนในระยะที่ 2 แผนงานก่อสร้างปี พ.ศ.2568-2570 เป็นงานก่อสร้างสถานีสูบน้ำพร้อมระบบส่งน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานประมาณ 35,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล 3 อำเภอ ได้แก่ ตำบลเมืองเก่า ตำบลดอนช้าง ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง, ตำบลขามป้อม ตำบลพระยืน ตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน และตำบลบ้านเหล่า อำเภอฝาง ทั้งนี้ หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งโครงการจะเป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่สำคัญของลำน้ำชี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และมีน้ำสนับสนุนการเพาะปลูกสำหรับพื้นที่การเกษตรได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่นได้มากขึ้น ในอนาคตจะพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น