รองนายกฯ อนุทิน ลงพื้นที่ขอนแก่น เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการ อสม. ผ่านระบบ e-Social welfare และส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชั่น Smart อสม.
16 มี.ค. 66. ที่ โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการ อสม. ผ่านระบบ e-Social welfare และส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชั่น Smart อสม. โดยได้มอบนโยบายและให้กำลังใจ อสม. ในการปฏิบัติงานเพื่อดูแลสุขภาพประชาชนและสร้างกลไกการพัฒนางานสาธารณสุขร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจัดโดยศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 7 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยมี ผู้บริหารและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ประธานชมรม อสม.ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และแกนนำ อสม. ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 และ 8 ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย สกลนคร นครพนม หนองคาย และบึงกาฬ เข้าร่วมประชุม
.ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการผ่านระบบ e-Social welfare ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสิทธิได้รับเงินค่าป่วยการในการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. 2566 รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชั่น Smart อสม. ในการส่งรายงานผลการปฏิบัติงาน และการดูแลคัดกรองสุขภาพของประชาชนในเขตรับผิดชอบ ให้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ สะดวก และทันเวลา ส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชั่น Smart อสม. ในการคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ ตามนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ ปี 2566 เป็น “ปีแห่งสุขภาพผู้สูงวัยไทย” โดย อสม. (ทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข (หมอคนที่ 2) ทำการคัดกรองเพื่อนำข้อมูลสุขภาพไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษา และ ฟื้นฟูสุขภาพ ร่วมกับหมอคนที่ 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ โดยมีประธานชมรม อสม.เขตสุขภาพที่ 7 และตัวแทน อสม.ที่สมัครเรียนผู้ช่วยพยาบาล เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นมาการร่ำลาเพื่อนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ เป็นการไปมาลาไหว้ และประชุมร่วมกับเขตสุขภาพทั้ง 4 เขต ครอบคลุมทั้งภาคอีสาน เพื่อสรุปผลงานที่ทำร่วมกันมาตลอด 4 ปี ว่ามีผลการดำเนินงานอะไรที่สำเร็จแล้วตามนโยบายที่มอบไว้ หรือมีอะไรที่ยังค้างคาอยู่ และสิ่งที่จะทำต่อไป
“สำหรับเงินค่าป่วยการ อสม. ที่ เพิ่มจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท นั้น ถือว่าทุกคนมีความพึงพอใจ ซึ่งเมื่อเทียบกับภารกิจงานที่กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กับ อสม.ถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะ อสม.ต้องทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1 ของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะต้องเสียสละเวลาในการเข้ารับการฝึกฝน เรียนรู้ และสามารถเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้มีวิชาชีพติดตัว และอีกไม่เกิน 3 ปี เราจะมีผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยสาธารณสุข ที่เป็นอสม. อยู่ทุกตำบลของประเทศไทย ที่จะดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชน”
นอกจากนี้ อสม.ยังทำหน้าที่เป็นตำรวจเฝ้าในเรื่องไม่ให้มีการใช้ยาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบลต่างๆ ซึ่งถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่มีทั้งความเสี่ยง และภารกิจในด้านการคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลจากกระทรวงสาธารณสุข ให้มีคุณภาพชีวิต มีมาตรฐาน มีสุขภาวะที่ดี ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญ โดย อสม. 1 คน จะต้องดูแลประชาชน 50 คน ซึ่งจะทำให้ระบบสาธารณสุขมีความเข้มแข็ง มากยิ่งขึ้น